Tips ผ่านตม.แบบฉลุย ฉบับคนเที่ยวคนเดียว

Mon 11, 2018 https://www.gettgo.com/blog/immigration-tips-when-travel-alone?fbclid=IwAR23kKwNIzg3aD-f6PDip1ZPHFglzLRNDReDeq4yTDzIQDEjy_CXiLDs2Ts

ปี 2561 ผ่านมาหลายเดือน ดูปฏิทินหลายทีแล้ว มีวันหยุดยาว ๆ แต่ไม่มีใครว่างไปกับเราสักที นั่นก็งานรุมเร้า นู่นก็ไม่สะดวก นี่ก็ต้มมาม่ากินประทังชีวิตอยู่ ครั้นจะรอเพื่อนฝูงพร้อมหน้าก็ไม่รู้จะต้องร้องเพลง “รอแล้วได้อะไร” อีกกี่ครั้ง แต่จะลุยไปคนเดียว ก็กลัวจะตกม้าตายตั้งแต่ด่านตม. ถ้าใครอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ ลองมาดูเทคนิคเตรียมตัวฉายเดี่ยวเที่ยวต่างประเทศกันมั้ยครับ? รับรองเลยว่าผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบชิลๆแน่นอน

  1. เอกสารพร้อม ถูกต้อง ทำสำเนาด้วยก็ดีนะ
  • ห้ามลืมพาสปอร์ตเด็ดขาด ขอร้องล่ะครับ ไปเที่ยวทั้งที ใครที่ลืมพาสปอร์ตนี่มันน่าตีมือจริง ๆ ใครกลัวว่า เตรียมตัวยุ่ง ๆ แล้วจะลืมตั้ง notification ในมือถือเอาไว้เลยดีกว่า
  • ประเทศไหนที่ต้องขอวีซ่า เพื่อน ๆ ควรขอกันตั้งแต่เนิ่น ๆ นะครับ สถานทูตแต่ละแห่งอาจขอเอกสารที่แตกต่างกันออกไป ทำเช็กลิสต์ไว้ก่อนก็ดี และที่อยากให้ยื่นตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเขาใช้เวลาระยะหนึ่งในการตรวจเช็ก หากวีซ่าไม่ผ่านขึ้นมา เราจะได้พอมีเวลาเตรียมเอกสารใหม่แล้วไปยื่นอีกครั้งไงล่ะ
  • แผนเที่ยวควรมีไว้ จะทำใส่ตาราง Excel แล้วปริ๊นท์ออกมา หรือเขียนโน้ตด้วยลายมือลงกระดาษขำ ๆ ก็ได้ เอาให้ตอบได้ว่าแต่ละวันเราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง (อย่างน้อยบอกชื่อเมืองได้ก็ยังดี) และพักที่ไหน
  • ใบจองเที่ยวบินไป-กลับ เอกสารนี้เหมือนเป็นตัวพิสูจน์ว่า เราไปเยี่ยมประเทศเขาแป๊บเดียว ไม่นานก็กลับแล้ว
  • ใบจองโรงแรมช่วยชีวิตได้หลายครั้งนะครับ เพราะมันเป็นหลักฐานว่าเราไปครั้งนี้มีที่นอนแล้วนะ บวกกับเรามีเงินที่สามารถจ่ายค่าที่พักได้ ไม่ได้จะไปเป็นโรบินฮู้ดแน่นอน
  • เอกสารสำคัญ ๆ แนะนำให้เพื่อน ๆ ทำสำเนาสักชุดหรือสองชุดนะครับ อย่างตัวผมเองมักจะเก็บติดตัวไว้ชุดนึง อีกชุดใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ใช้เทคนิคแบ่งเก็บหลาย ๆ ที่เหมือนเวลาที่เก็บเงินนั่นแหละ
  • ใส่ใจกับใบตม.สักนิด อยู่บนเครื่อง ถ้ามีเวลาก็เขียนไปก่อนเลยครับ รูปแบบใบตม.เราเสิร์ชดูได้จากอินเทอร์เน็ตนะครับ ทำแบบนี้ตอนลงจากเครื่อง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปยืนกรอกข้อมูล ผมนี่เคยพลาดหนนึง กรอกเสร็จเงยหน้าขึ้นมา แถวยาวเป็นงูเลื้อยเลยสรุปกว่าจะผ่าน ตม.ได้ก็ชั่วโมงกว่า ๆ เสียดายเวลาเที่ยวเลยล่ะครับ

  1. แต่งตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
  • โอเค เราอาจจะอยากแต่งตัวสบาย ๆ เพราะนี่คือการไปเที่ยว ไม่ได้ไปสัมภาษณ์งาน แต่ควรแต่งตัวให้ดูดี อาจไม่ต้องถึงกับใส่สูทเนี้ยบเป็นเจมส์ บอนด์ แต่อย่างน้อยขอให้สะอาดสะอ้าน รัดกุม ไม่มาสายชิลเกินไปหรือวาบหวิวเกินงาม
  • ทีนี้มาเรื่องรองเท้าบ้าง ในขั้นตอนการสแกนสัมภาระและร่างกาย บางสนามบินจะให้ถอดรองเท้านะครับ สำหรับสมาคมคนรักผ้าใบและสนีกเกอร์ หรือรองเท้าบู๊ตผู้หญิง ผมเห็นบางที่ก็ให้ถอดด้วยเช่นกัน การใส่รองเท้าแบบถอดง่าย ๆ ไปก็จะช่วยเซฟเวลาตรงนี้ได้นิดนึงสำหรับสาว ๆ ที่ติดใส่ส้นสูง ถ้าต้องนั่งไฟลท์ยาว ๆ ก็เอาไว้ก่อนดีกว่า ไม่งั้นจะเมื่อยขาเปล่า ๆ แพ็คส้นสูงคู่โปรดลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ แล้วไปเปลี่ยนใส่ถ่ายรูปสวย ๆ ที่นู่นดีกว่า เป็นห่วงนะ อิๆ

  1. มั่นใจ ตอบฉะฉาน ไม่หลบตา
  • เราไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษแบบพูดปร๋อ แต่พอพูดได้และรู้บางรูปประโยคก็ดีครับ เพราะเจ้าหน้าที่ตม.อาจถามอะไรทั่วไป เช่นมาทำอะไร มากับใคร มาครั้งแรกหรือเปล่า พักที่ไหน ทำนองนี้ ซึ่งถ้าเราอึกอัก ๆ เขาอาจมองว่า มีพิรุธนะครับ ถ้ายังไงลองฝึกไปนิดหน่อย สำเนียงไม่ต้องเป๊ะ แต่ขอแค่สื่อสารเข้าใจกันก็พอ
  • ที่สำคัญ เวลาตอบ อย่าหลุกหลิก อย่าหลบตา เรามาเที่ยว ไม่ได้มาทำอะไรผิดนี่เนอะ (เดี๋ยวนี้ บางตม.จะสุ่มถาม ถ้าไม่โดน ก็เดินหล่อ ๆ สวย ๆ เข้าประเทศได้เลย)

  1. มอง “ห้องเย็น” เป็นห้องสัมภาษณ์
  • ถ้าทำตามข้างต้นแล้ว ยังไม่วายโดนเรียกเข้าห้องเย็น ซึ่งไม่ใช่ห้องฟรีซหรืออะไร แม้ความหนาวของแอร์และความเงียบของห้องเย็นอาจจะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นหรือประหม่าไปบ้าง แต่ขอให้คิดซะว่าเป็นแค่ห้องสัมภาษณ์ที่เขาจะมาถามนั่นนู่นนี่กับเรา เสร็จแล้วก็ปล่อยเราออกมาคุยกับเพื่อน ๆ ได้ว่า เนี่ย ๆ โดนเรียก แต่รอดออกมาได้นะ ที่สำคัญคือ อย่าเพิ่งชักสีหน้าหรือหัวเสียไปนะครับเพราะการเข้าห้องเย็น ถ้าไปช่วงพีค คุณจะต้องรอคิวเข้าสัมภาษณ์ ทำให้เสียเวลาเที่ยว แต่เจ้าหน้าที่เขาก็ทำตามหน้าที่กันน่ะครับ

ทำตามเทคนิคนี้ รับรองว่า ได้เที่ยวเดี่ยวแบบปัง ๆ ไม่พังพินาศอย่างแน่นอน ใครอยากไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตที่ไหน ถ้ายังไงก็อย่าลืมซื้อประกันเดินทางไปด้วยนะครับ จะได้เที่ยวสบาย ๆ แบบไร้กังวลกันไปเลย